25 June 2012

VISI Machining

            การทำ CAM เป็นเรื่องง่ายใน Computer เรามีซอฟแวร์ช่วย เราไม่ได้คิดรายละเอียด XY เอง เราแค่ให้ซอฟแวร์มันคิด ดูผลลัพธ์ เลือก ถูกใจเอาไปใช้ ไม่ถูกใจปรับแก้  ทำใหม่
           ปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นตัวแปร เช่น ความเร็วรอบ อัตราการป้อน กินลึกชั้นละเท่าไหร่ ขยับด้านข้างเท่าไหร่ ใช้มีดกัดแบบไหนดี เดินกัดแบบไหน เผื่อเนื้อเหลือเท่าไหร่ .....ฯลฯ  อันนี้แหละยาก..ก..ก
          ต้องหาความรู้  ข้อมูล และประสบการณ์เพิ่มเติมเองนะครับ คงจะแนะนำ ตอนนี้ลำบาก
เบื้องต้นสิ่งที่ ต้องมั่นใจก่อนทำ CAM คือ
- ข้อมูลของเรา ไม่ว่า 2D หรือ 3D มันถูกต้อง(เพราะถ้าผิด.....ก็ผิดตั้งแต่เริ่มต้น)
- ย้ายตำแหน่ง CAM Setup หรือ ศูนย์งาน G54...(สำหรับมือใหม่ แนะนำทำก่อนนะครับ)
  ใช้คำสั่ง ย้ายพื้นฐานจากเมนู Edit / Translation นี่แหละครับ(เลือกแบบ จับ ลากไปวาง ง่ายสุด)

ตัวอย่างเช่น
- มุมซ้ายล่าง และ Z ศูนย์ เป็นจุดบนสุด
- มุมซ้ายล่าง และ Z ศูนย์ เป็นล่างสุด
- กึ่งกลางก้อน และ Z ศูนย์ เป็นจุดบนสุด
การย้าย ตำแหน่ง Set งาน, ศูนย์งาน, Work, G54(อะไร สักอย่าง)
ต่อๆ ไปก็ ละไว้ฐานที่เข้าใจ ทุกตัวต้องทำ นะครับ
จากนั้น เริ่มทำ CAM ได้เร้ยยยยยย.......
ขอเริ่มจาก CAM 2D จาก ง่ายๆ...ไปเรื่อยๆ ชิวๆ


CAM 2D  (2.5 Axis)

การทำ CAM เจาะรู (Drill)  จากเส้น วงกลม
วาง Process เองนะครับ อะไรก่อน Center Drill, Drill, Tap
ทีละรู  ทีละกลุ่ม แล้วแต่...

การทำ CAM เจาะรู จาก 3D(เลือกผิวของ 3D)
เมื่อไหร่ มีเด้งๆ ขึ้นมา แสดงว่าไม่มี Tool ใน Database ต้อง Add Manual เข้าไป

การทำ CAM เจาะรู จาก 3D (Semi Auto ,ไม่มี Tool)
ถ้ามีเด้งๆ ขึ้นมา แสดงว่าไม่มี Tool ต้อง Add Manual เข้าไป เราแค่ OK OK Apply เข้าไป

การทำ CAM เจาะรู จาก 3D(Auto)
แบบหา Auto

การทำ CAM Pocket จากเส้น
ทำเส้น Profile ให้ซอฟแวร์รู้ว่าเป็น Pocket / Open Pocket ลึกเท่าไหร่ เรียก Add Manual Feature
หรืออีกวิธี เส้น Profile ทำด้วยคำสั่ง Profile Cam Attribute ก่อน ที่แถบ Feature ใน CAM navigator จะแสดงชื่อเป็น Profile #...

เลือกเอง จากผิวของ 3D ซอฟแวร์จะรู้ว่าเป็น Pocket ปิด/เปิด ลึกเท่าไหร่
Pocket=Rough Pocket,   Mill = กัดเดินตามเส้น Profile

แบบทำ Auto  หา Auto ทำ CAM Auto

เริ่ม เยอะขึ้นๆ วางแผนเองนะครับ หลุมไหน ก่อนหลัง ยังไง
สามารถจับ Operation ในแถบ Mill ตัวล่างๆ ลากไปแทนที่ตัวบน

CAM 2D อื่นๆ
ทำจากเส้น Profile หลายตัวต้องทำ Profile Cam Attribute เพื่อให้ซอฟแวร์รู้ว่าเป็น อะไร Pocket? ลึก?
การทำ Profile Cam Attribute (จากเมนู Machining)
การทำ Profile Cam Attribute

Fillet /Chamfer /Extrude/Helical mill
ปัจจุบัน Extrude ไม่ต้องทำ Profile Cam Attribute
คลิกขวา แถบ Mill, Add Project, Add operation, เลือก CAM 2.5 ax เลือก Extrude ได้เลย


Profile & Section
อันนี้ก็ไม่ต้อง ทำ Profile Cam Attribute

Revolution
Revolution-1

Revolution-2

ประยุกต์ Profile & Section มากัด Finish รูปร่าง Chamfer
ต้องเตรียมเส้น Base และเส้น Section
        CAM 2D ที่ว่ามาทั้งหมดนั้น ซอฟแวร์ไม่ได้มองเห็นเป็น 3 มิติ จริงนะครับ เลือกจากผิว สังเกตุไหมครับ ผิว ไม่ใช่ทั้งก้อน (3D ที่มีไว้ เพื่อแสดงให้ดูรูปร่าง ประกอบ เท่านั้น) หรือเราแค่ใช้ประโยนช์ผิวของ 3D ที่มีอยู่ หลังจากนั้นก็จะมีสัญลักษณ์ เส้นร่าง ประ เหมือนเราทำ Profile Cam Attribute นั่นเอง
      ฉะนั้นเรื่องการยก ข้ามไปอีกที่หนึ่ง การเข้า การออก การลงก่อนถึงผิวงาน ลักษณะการเดิน รวมถึง ทิศทางการเดิน เหล่านี้ ต้อง หมั่นสังเกตุ  ซอฟแวร์คิดให้ก็จริง เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องง่าย option ที่เราเลือกมันมีรูปโชว์ให้ดู แล้วก็เดา และเชคผลลัพธ์ ถ้าไม่ใช่ก็ ปรับแก้ไข ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็จำได้ ซอฟแวร์มันไม่รู้ความต้องการของเรา มันไม่รู้เงื่อนไขภายนอก เราต้องสั่งมัน แล้วเราก็ต้องดูด้วย  อย่าลืมว่า คอมพิวเตอร์,"ซอฟแวร์ มันเป็นแค่เครื่องมือ มันช่วยเราทำงาน ไม่ได้ทำงานแทนเรา"

การ Simulation  มีสองแบบ
- แบบ Wireframe เดินเปล่า ไม่เห็นการกัดเนื้อเหล็ก คลิกขวาที่ Operation ที่ต้องการ(เลือกหลายตัวได้) และเลือกคำสั่ง Path lab


แล้วก็เลือก ชื่อ Operation นั้นอีกที และเลือกปุ่ม สามเหลี่ยม Play ด้านบนซ้ายสุด ปรับความเร็วด้วยแถบ Slide bar
 
 
กรณีเลือกหลาย Operation  ก็เลือก Play หลาย Operation ด้วย


 - แบบ Kinematic Simulation แบบเห็นการตัดเฉือนเนื้อ อ๊ะ..อ๊ะ... แต่ต้องทำบางอย่างก่อน
ตอนนี้ที่ทำ CAM ไป ซอฟแวร์ยังไม่รู้ ก้อนวัตถุดิบของเรา มักเรียก Stock ถ้าเราเริ่มกัดจาก ตันๆ CAM 2D ต้องสร้างก้อน Solid แล้ว Add Model เลือกเป็น Stock ดังนี้ 


การแปลงเป็น G-Code  ( ขอเรียกว่าการ Post )
       เมื่อได้ Operation แล้ว ปรับแก้อื่นๆ เช่น เปลี่ยนขนาด Tool ให้คลิกขวาที่ Operation นั้นๆ เลือก Edit Tool แก้ Feed, Spindle คลิกขวาเลือก Edit Cutting Conditions....อื่นๆ เมื่อทุกอย่างถูกต้อง เรียบร้อย ก็พร้อมที่จะแปลงเป็น G-Code เพื่อนำไปใส่เครื่องจักร กัดงานจริง ขอเรียกว่าการ Post แล้วกัน
      ทำได้โดย คลิกขวา Operation ที่ต้องการ (กรณีต้องการให้เครื่อง เปลี่ยน Tool อัตโนมัติ ก็เลือกหลาย Operation ควรวางลำดับไว้ก่อน) เลือก Run Post Processor
      หากยังไม่เคยระบุ Controller ของเครื่องจักร ครั้งแรกซอฟแวร์จะให้เลือกก่อน เช่น FANUC หรือ อื่นๆ ก็เลือกไป ครั้งต่อไปจะไม่ถาม
      ต่อไปก็ ตั้งชื่อ ไฟล์ และกำหนดที่อยู่ที่จะ Save ไว้ เช่น Drive C:\Folder A\ ...

      นามสกุล ปัจจุบันไม่ถือเป็นเรื่อง ใหญ่ ไฟล์พวกนี้เป็น ประเภท Text ไฟล์ (คือข้างในมีแค่ ตัวเลข ตัวหนังสือ)  หลายๆ นามสกุลใช้ได้เช่น      .NC,  .NCC, .ISO, .TXT  บางเครื่องไม่มีนามสกุล ยังได้ เร้ย....ยย

...................................................................................................................................................................

CAM 3D  (3 Axis)                                                                                                                                     

        ขั้้นตอนแรกของ การทำ CAM 3D คือการ ทำให้ ซอฟแวร์ รู้ว่าเราจะกัด CAM ชิ้นไหน (CAM 2D ไม่ต้อง เห็นเป็น ผิวๆ รู รู เส้นๆ) ซึ่งเป็น 3D ที่เป็น Solid / Surface แล้วแต่ เรามี ถ้าเป็น Surface แนะนำให้รวม Unite กันไว้เพื่อจะได้เลือกง่ายๆ ขั้นตอนที่ที่ทำให้ ซอฟแวร์รู้จักกับ 3D ก้อนที่จะกัด ขอเรียกขั้นตอนนี้ว่า Add Model ต่อไปก็ละ ไว้ในฐานที่เข้าใจกัน **CAM 3D อันนี้ ต้องทำนะครับ ไม่ทำไม่ได้ ** ไม่ยาก  ดังวีดีโอต่อไปนี้


การ Add Model

.....................
     ต่อไปขอเริ่มจาก เอาวิธีการกัด( Operation) แต่ละแบบมาให้ดูก่อน จะทะยอยเพิ่มคำอธิบาย ภายหลังนะค๊าบบบ......
Operation = เป็นชื่อเรียก วิธีการกัด ลักษณะการเดิน แบบต่างๆ เช่น Rough/ Constant Z/ Raster/....
ต่อไปเมื่อถึงขั้นตอนการเลือกวิธีการ กัด เรียกว่า Add Operation นะคร๊าบบบ

Roughing
          Roughing คือ การกัดหยาบ หมายถึงการกัดเนื้อส่วนที่ไม่ต้องการหลักๆ ออกไปอย่างหยาบๆ ก่อน เรามักเรียกว่ากัด Rough (ราฟ) โดยมากเริ่มจากก้อน วัตถุดิบตันๆ(Stock) ซึ่งถ้าเป็นก้อน สี่เหลี่ยม VISI สามารถใช้ ขอบเขต(Boundary box = ขอบเขตมากสุดทุกแกน xyz) เป็นขอบเขตในการกัดได้
          Rest Roughing คือ การกัดส่วนที่เหลือจากการ Rough และ Tool ของ Rough เข้าไปกัดไม่ได้เนื่องจาก Tool Rough มักมีขนาดใหญ่ ผมขอเรียกว่า Re-Machining ดีกว่าก็คือ Machine ซ้ำ ขอเรียกว่า "กัดส่วนต่างที่ Tool เก่าเข้าไม่ได้"   ถ้าไม่กัดแบบนี้ จะทำให้ Tool ตัวต่อไป โหลด คือกินหนักไม่เท่ากัน บางที่เนื้อเยอะ บางที่น้อย เนื่องจาก Tool เก่าเข้าไม่ได้ ดังกล่าวข้างต้น

-Roughing Spiral + Rest Roughing
Roughing Spiral out + Rest Roughing Spiral
        Rough Spiral เป็นลักษณะการเดินแบบ ก้นหอย วนออกมา คล้ายๆ Offset ออกมlทีละชั้นๆ ตามรูปร่าง ชิ้นงาน โดยปกติซอฟแวร์เลือก จุดลงเองเพื่อให้เหมาะกับ รูปร่างการ Offset
           Rest Rough ลักษณะ Tool path จะไปกัดเนื้อส่วนต่าง ไล่ให้เนื้อที่เหลือ ใกล้เคียงกัน แนะนำให้ เผื่อเนื้อ VISI เรียก Side Allowance, (หรือเคยเห็นคำว่า Thickness,Over Thickness,Stock หรืออื่นๆที่ผมจำไม่ได้ และไม่รู้ ) เท่ากันกับตัว Rough  เช่น ถ้า Rough = 0.5  Re-Machine ก็ควรจะ= 0.5 ..นำเด้อ

เพื่อให้เราคิดตามและเข้าใจได้ว่า สอดคล้องกับหลักที่ว่า มันเป็นการ กัดเฉพาะส่วนต่าง ที่ Tool เก่า เข้ากัดไม่ได้  นั่นเอง

-Roughing Against 3D Stock Model
              ในกรณีที่ ก้อนวัตถุดิบของเราไม่ได้เริ่มจาก ก้อนสี่เหลี่ยมตันๆ ต้องระบุก้อน วัตถุดิบนั้นๆ (Stock) ให้ซอฟแวร์รู้ โดยทำทีเป็นว่าเราจะ Add Model แต่เปลี่ยนคำว่า Piece เป็น Stock แล้วเลือกเหมือน Add model ทุกประการ สามารถใช้ ก้อน Solid ธรรมดาที่เขียนขึ้นมาเอง / สามารถใช้ STL / หรือใช้รูปร่าง Model ตัวมันเอง Offset ออกมา (กรณี งานหล่อ Model มา)  ** อย่าลืมว่า หากเป็นก้อนสี่เหลี่ยมตันๆ ไม่ต้องนะคร๊าบบ ใช้ Boundary**
Roughing Against by 3D Stock Model

-Roughing Spriral Pre Drill Point
            ดังที่ได้กล่าวว่า การกัดแบบ Rough Spiral นั้นคล้ายกับก้นหอย Offset วนออกมาเป็นชั้นๆ เพราะฉะนั้นจุดที่ลงกัด ซอฟแวร์ต้องคำนึงถึง รูปร่างการ Offset ด้วย
           หากเราต้องการ บังคับจุดลง อาจใช้ในกรณีที่ มีการเจาะรู(ซึ่งใหญ่กว่า Tool) ไว้ก่อน ให้เลือก Use Drill point จากแถบ Leads แล้วเลือก Point ที่จะเป็นจุดเจาะรู
Roughing Spriral by Pre Drill Point

       ในกรณีที่มีหลายหลุม แล้วแต่ละหลุมก็มีตำแหน่ง เตรียมเจาะรู ไว้ให้ Tool ลง ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแค่เลือก ทุกจุดของทุกหลุม  ก็คือเลือก ทั้งหมดนั่นแหระ....
Roughing Spriral by Multi Drill Point

-Roughing Spiral in (Core Rough)
          เป็นการกัดหยาบ โดยลักษณะที่กัดเปิด เพื่อให้เหลือรูปร่างที่เป็น Core หรือ Boss อยู่ด้านใน โดยเดินแบบ Offset เข้า ชื่อเลยเป็น Spiral In คือ Tool ลงด้านนอกงาน (ต้องไม่มีอุปกรณ์ Clamp นะคร๊าบบ) แล้วกัดเข้ามา  จุดลงอาจมีมากกว่าหนึ่งจุด  แล้วแต่รูปร่างลักษณะของงาน
Roughing Spiral in (Core Rough)


-Roughing Zig Zag
          เป็นการกัดหยาบแบบ เดิน ไป-กลับ(Zig-Zag) โดยมีการเดินเก็บซ้ำรอบ Profile ชิ้นงานในตอนท้ายของแต่ละชั้น
Roughing Zig Zag


-Checking Collision
           เป็นการตรวจสอบการชนกัน ของ Holder กับ ชิ้นงานที่กัด  โดยใช้ในกรณีที่จับ Tool ได้ยาวแค่นี้ จริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....โดยตัวเลขที่ป้อนคือระยะห่างระหว่าง Holder กับ Model  ผลที่ได้คือ Tool Path จะถูกปรับไป ย้ำนะคับ **Tool Path จะถูกปรับเปลี่ยนไป ** ตามเงื่อนไข คือไม่ชน Holder (นั่นหมายความว่า ชิ้นงาน ยังไม่ได้ตามต้องการ ไม่ได้ขนาด)
             อันนี้เป็นคนละ ประเด็นกับว่า ต้องจับ Tool ยาวเท่าไหร่นะคร๊าบบ..
Checking Collision

...................................................................................


Semi&Finish
             กลุ่มนี้เป็น กลุ่ม Semi & Finish แล้วแต่จะเลือกใช้งานนะครับ อย่าลืมว่าแต่ละ Operation ให้นึกซะว่าเป็นแค่ ลักษณะการเดิน เมื่อมีประสบการณ์แล้วเราจะเอาไปทำไรนั้น เรื่องของเรา 
           เช่น Constant Z ผมอาจจะเอาไปกัด Rough ก้อนสี่เหลี่ยม ที่มีทรงกระบอกวางอยู่บนก้อนสี่เหลี่ยมนั้น Diameter ของทรงกระบอก นั้นเกือบเท่ากับ ความกว้างของสี่เหลี่ยม  แบบนี้เนื้อวัสดุที่จะต้องกัด Rough ทิ้งมีไม่เยอะ ใช้ Constant Z ได้ Tool ตัวนี้กัดได้
            สำหรับมือใหม่ เบื้องต้น แนะนำให้ใช้ Operation  เหล่านี้หลังมีการกัด Rough แล้วนะครับ

-Constant Z
           เป็นการกัดเฉพาะผิวที่มีความชัน มักเป็นผิวด้านข้าง ไล่ Z ลึกลงไปทีละชั้น เท่าๆกัน
หากต้องการบังคับระดับความลึกแกน Z เลือก Max/Min เลือกช่วง Z ที่ต้องการ
Constan Z


-Constant Z by Adaptive Z
             เป็นการกัดเฉพาะผิวที่มีความชัน แต่ปรับการกินลึกแต่ละชั้นให้ไม่เท่ากัน โดยใส่เป็นค่า Min  สุดไว้ แล้วซอฟแวร์จะปรับให้ ผิวที่มีความต่าง ลาดชันน้อย เช่น ผิว Blend R (คือ เปลี่ยนระดับ Z แล้ว ผิวไม่ได้เอียงเปลี่ยนไปเยอะ)
            ส่วนผิวที่มีความชัน อัตราคงที่ เช่นผิวตรงด้านข้าง ระยะกินลึกยังคงที่
Adaptive

-Constant Z by Drive Curve
            เป็นการกัดเฉพาะผิวที่มีความชัน แต่คิดระยะกินลึก โดยแบ่งเส้นเป็นระยะห่าง เท่าๆกัน แต่ต้อง
เตรียมเส้นที่เป็น Section เอง
Drive Curve

-Constant Z by Helical
             เป็นการกัดเฉพาะผิวที่มีความชัน ลักษณะการเดินเป็น วนเป็นเกลียวลงไป (Helix) (ไม่หยุดระหว่างชั้นเปลี่ยนระดับ Z เหมือน Constant Z)
Helical


-Finish
         -Raster (เลือก Operation แต่ ชื่อจะขึ้นมาเป็น Raster )
               เป็นลักษณะการเดินกัด ตามแกน หรือมุมใด เช่น มุม 0= เดินตามแกน X , มุม 45 เดิน ทะแยง 45 องศา, มุม 90 = เดินตามแกน Y (เดิม วิธีการเดินแบบนี้ เรียก Parallel)
Raster


-Finish  
        - Pass Extension
              เป็นการปรับ option ให้การเดินแบบ Rater นั้นเดินเลยงานออกไป หรือ ยืดออกไป สามารถเลือกแบบ Tangent pass extension เพื่อให้ Tool path ไม่ตกลงไปโดนผิวด้านข้าง หรือ Tangent ต่อไปนั่นเอง
Pass Extension
** สังเกตุว่ายืด ออกไปได้แค่ 2 ด้าน (หัว-ท้าย/ตามทิศทางการเดิน) เท่านั้น **


-Finish
         -Cross machining
                  เป็นการปรับ option ให้การเดินแบบ Rater มีทิศทางกัดที่เพิ่ม แนวขวางกับแนวเดิม ก็คือ 90 องศา ตั้งฉากกับแนวเดิม กลับมาช่วยให้เก็บซ้ำบางจุดที่ ผิวมันขนานกับแนว Tool path ทำให้เส้น Tool path มันห่าง ผิวงานก็จะไม่เรียบ/สวย   หรือ ผมเรียกง่ายๆว่า Tool มันปีนขอบงาน 
Cross machining


-Planar Face
         เป็นลักษณะการเดินกัด เฉพาะผิวเรียบเท่านั้น ซอฟแวร์จะตรวจสอบว่า Model ของเรามีผิวเรียบตรงไหนบ้าง และจะกัดเฉพาะผิวเรียบดังกล่าว  โดยอาจใช้ Limit แกน Z เป็นตัวบังคับอีกชั้นก็ได้
Planar Face


-Finish
         -Morph
                เป็นลักษณะการเดินกัด โดยใช้เส้น สองเส้นมาเป็นตัว Offset เฉลี่ยเข้าหากัน (ใช้ได้ทั้งเส้นเปิดและเส้นปิด) โดยมี option ปรับให้ทิศทางการเดินตั้งฉากระหว่างสองเส้นคือ Perpendicular
Morph


-Constant Stepover
            เป็นลักษณะการเดินกัด ที่เส้น Tool path คล้ายการ Offset ออกไปทีละชั้น เมื่อมอง Top view จะมองเห็นเส้น Tool path ดูคงที่ สม่ำเสมอ
      - ถ้าใช้เส้น Profile ที่มีรูปร่าง เหมือน 3D มาเป็นขอบเขตการกัด(Boundary) จะดูเหมือนเอารูปร่าง Profile นอกสุดมาเป็นลักษณะ Tool path แล้ว Offset
         - ถ้าใช้เส้น Profile เฉพาะบางรูปร่างมาเป็นขอบเขตการกัด(Boundary) ลักษณะการ Offset เส้น Tool path  ก็จะเหมือนรูปร่างเส้น Profile
         - ถ้าใช้เส้น Profile ปิด (อยู่บน plan เรียบ)อีกเส้นหนึ่งมาเป็น Drive curve ลักษณะการ Offset การเดินก็จะเหมือนเส้น Profile นั้น ขอบเขตการกัด(Boundary) ก็เป็นเส้นเดิม
Constant Stepover


-Finish
        -Radial
           โดยปกติเป็นลักษณะการเดินกัด โดยเส้น Tool path จะวิ่งเข้าออก ระหว่างจุดศูนย์กลาง และ รัศมี ซึ่งเราเปลี่ยนจุด Center ได้  นอกจากนั้นเมื่อกำหนด ค่ารัศมี น้อย มาก(Min,Max) ก็เป็นเหมือนการเดินกัด ระหว่าง วงแหวน  อื่นๆ ก็กำหนด จุดเริ่มต้น จุดสุดท้ายของมุม เช่น 0-180 ก็จะเป็น กัดครึ่งหนึ่งของวงกลม
Radial


-Finish
        -Spiral
           เป็นลักษณะการเดินกัด โดยกำหนดค่ารัศมี Min/Max เช่นกัน แต้ลักษณะการเดินเป็นแบบก้นหอย Spiral วนออกไปต่อเนื่อง
Spiral


-Finish
        -Projection
            เป็นลักษณะการเดินกัด ตามเส้นที่ฉาย(Project) ลงไปบนผิว ฉะนั้นเส้น อยู่ด้านบน เป็น Plan เรียบได้  อาจจะใช้ในงาน กัดตัวหนังสือ โลโก้ ประมาณนี้
            ขอย้อนไปในการกัดหยาบ เราต้องการให้ Tool ยกน้อยๆ ลด การกัดอากาศ/ กินลม/ Air Cut เราจึงป้อนค่าในช่อง Minimum in-contact distance เยอะๆ เพื่อให้ ยกน้อยๆ
            ในทางกลับกัน เวลากัดตัวหนังสือ ถ้ามันยกน้อย ตัวหนังก็จะติดกัน อ่านไม่ออก  เราจึงต้องให้มันยกเยอะ จึงป้อนค่าในช่อง Minimum in-contact distance น้อยๆ เพื่อให้ ยกเยอะๆ
Projection
สำหรับ ชั้นการกินลึก ป้อน Step down ก่อน แล้วป้อนจำนวนชั้นที่ Level under surface 
เช่น Step down 0.1 level under surface = 10 ชั้น ความลึกก็เท่ากับ 1 มม.


-Tracking 3D
         เป็นลักษณะการเดิน ตามเส้น 3D(รวมถึง 2D ด้วย) จริงๆๆๆๆ มองไม่เห็น 3D ครับ Operation นี้ไม่ต้อง Add Model เข้าไปจึงไม่มีการชดเชย Diameter Tool กับผิวของ Model ผู้ใช้งานต้องมั่นใจว่า เส้นนั้นๆ ถูกต้อง  ต่างกับ Projection ซึ่งมรการ Add Model จึงมีการชดเชยดังกล่าว
           อาจจะเห็นได้บ้างในงานทั่วไป เช่น กัด Runner สมมุติกว้าง 4 มม. ถ้า 3D ของเรามันกว้าง 4 มม.เป๊ะๆ ซึ่งถูกต้องทุกประการ แต่ซอฟแวร์มันคำนวน CAM ให้ไม่ได้ (หมายถึงไม่ได้ จริงๆ นะครับ ในทางปฏิบัติจริงก็ ไม่สามารถเอา Tool 4 มม. เป๊ะ ไปใส่ในรู 4 มม.เป๊ะได้ ไม่เชื่อลองดู 55 ไม่งั้นเขาจะมีค่า Tolerance พิกัดงานสวมไว้ทำไม) จึงต้องบังคับเดินตามเส้น โดยไม่ต้องไปสนใจ 3D Model แต่เราต้องเตรียมเส้น อย่างถูกต้องเองนะคร๊าบบบ
Tracking 3D


-ISO Machining
         เป็นลักษณะการเดินกัด ตามผิวที่เลือก เฉพาะผิวนั้น มองไม่เห็นผิวอื่นๆ มองไม่เห็น 3D ย้ำนะมองไม่เห็นผิวอื่นๆ มองไม่เห็น 3Dครับ ทั้งก้อน Operation นี้ไม่ต้อง Add Model
     - Drive surface คือ ผิวที่จะกัด
     - เลือกวิธีการเดินกัดจาก Pattern เช่น Cut along curve คือเดินกัดตั้งฉาก ไปตามความยาวเส้น , Morph between 2 curve คือเดินขนานระหว่าง สองเส้น ,.......
     -แถบ Gouge check ติกเครื่องหมายถูกเลือก Check surface เลือก surface ที่ไม่ให้ Tool กัด เพราะมองไม่เห็น Model
     -แถบ Link ปรับการยกต่างๆ ยกระหว่างชั้น ยกข้าม ระนาบปลอดภัย
ISO Machining
        ISO machine เป็น Operation ที่ให้ Tool path คุณภาพดี สวย สม่ำเสมอ แต่ความเสี่ยงคือ ต้องปรับแทบทุกอย่างเอง ซอฟแวร์คิดคำนวนเป็น ผิวๆไป  ผู้ใช้ต้องมีความเชี่ยวชาญ รอบคอบ   


-Steep&Shallow
          เป็นลักษณะการเดินกัด ทั้งผิวชัน(Steep)และตื้น(Shallow) คือทั้งผิวด้านข้างและพิ้น ราบ โดยพยายามอย่างที่สุด ที่จะปรับ Tool path ให้ตามรูปร่างนั้นๆ เช่นพื้นราบสี่เหลี่ยม ก็มี Tool path แบบ Constant Stepover  คล้ายแบบ Offset สี่เหลี่ยม, หลุมทรงกระบอก ผิวด้านข้างก็พยายามปรับ Tool path ให้คล้าย Constant Z พื้นล่าง ก็ปรับตามรูป Offset กลม เป็นต้น
              ต่างกับ Constant Stepover  อันนี้ Offset  ทั้งตัวเข้ามา พร้อมกัน ไม่สนใจรูปร่าง
Steep&Shallow
แน่นอน ตัวนี้ใช้เวลาในการคำนวน นานกว่าปกติ นิดนึง ด้วยเหตุผลดังกล่าว
แต่ VISI ไม่ต้องรอให้ CAM ตัวนั้คำนวนเสร็จ / คำนวนก็คำนวนไป  เราก็คิด เตรียม CAM ตัวต่อไปได้
........................
เพิ่มเติม มี Operation ชื่อ Aggregate 
           Aggregate แปลว่า รวบรวม  หมายถึงมีการรวบรวมวิธีการเดินกัด หลายแบบเข้ามาให้เราเลือกใช้งานได้สะดวกมากขึ้น โดยปกติ Operation ก่อนหน้านี้ ไม่ว่า จะเป็น Constant Stepover , Steep&Shallow หรืออื่นๆ แต่ละตัวก็มีวิธีการเดิน แค่แบบเดียว ก็คือตามชื่อ Operation นั้นๆ
           ถ้าเราแบ่งการขยับของ Tool เวลาเดินกัด ก็จะมีแค่สองทิศทาง คือ Stepover = ขยับไปด้านข้าง และ Stepdown = ขยับกินลึก (หรือ VISI เรียกขยับด้านข้าง กลุ่มผิวด้านตื้นว่า Shallow, ด้านผิวแนวชันว่า  Steep)
          Aggregate รวบรวมแต่ละด้านให้มี Operation ซ้อน ซ้อนกันอยู่ข้างใน ให้เราเลือก โดยแต่ละตัวเองก็มี ค่า Parameter ให้ปรับได้อีก(เลือก Icon กระดาษ ดินสอข้างหลัง)
Stepover parameter (ขยับด้านข้าง)
   -None
   -Multi Finish
                -Raster
                -Spiral
                -Radial
                -Morph
   -Constant Stepover
   -Planar faces
Stepdown parameter (ขยับกินลึก)
   -None
   -Constant Z
   -Multi Finish
                -Raster
                -Spiral
                -Radial
                -Morph
   -Constant Stepover
Aggregate 
..........................................................................................

Rest-Machining
          เป็นลักษณะการเดินกัด เก็บเนื้อส่วนที่เหลือเช่นกัน แต่ไม่ใช่ หลังจากการ Rough โดยปกติ เป็น Semi มากว่า เนื้อที่เหลือส่วนมาเป็น ซอก มุม

-Rest Material by Auto
         เป็น Option การเก็บเนื้อส่วนที่เหลือ อัตโนมัติ มีการสมมุติ อ้างอิง Tool ก่อนหน้าที่ใช้กัดไปได้ ในช่อง Previous Tool (เป็น Ball Nose)  มี option ที่น่าสนใจคือ สามารถกำหนดมุมของผิว เช่น 40 หรือ 45 หรือ... หมายถึงผิวตั้งแต่ 0 องศา ถึง มุมที่เรากำหนด เช่น 40 ปรับให้เดินแบบ Zig Zag หรือ วนเป็นเกลียวลงมา ไม่วิ่งขึ้น-ลง
Rest  Material  Auto
** Rest Material by Auto ไม่สามารถใช้ Tool ที่เป็น Step ได้ **

-Rest Material by Rest Area
          เป็น Option การเก็บเนื้อส่วนที่เหลือ สามารถสมมุติ อ้างอิง Tool ก่อนหน้าที่ใช้กัดไปได้ ในช่อง Previous Tool (เป็น Bull Noseได้) แต่ไม่สามารถกำหนด มุมของผิวได้  ทิศทางการเก็บมุม ปกติเป็นแบบ Offset เข้า
Rest  Material Rest Area

-Pencil
    -Single + by Offset
          Pencil ปกติเป็นลักษณะการเดินกัดแบบเส้นเดียว(เมื่อมอง Top view) เก็บตาม ซอก มุม ไม่มีการกำหนด Tool อ้างอิง ก่อนหน้า    สามารถเลือกเป็นแบบ Rough Mode ได้ และกำหนด Step down เช่น ชั้นละ 0.1 และใส่เนื้อที่เหลือก่อนถึงผิวจริงเช่น  material 1 มม. ก็จะกัด 10 ชั้น / 2 มม.= 20 ชั้น เป็นต้น
         แบบ Offset สามารถกำหนดระยะห่างจากด้านนอก ข้างละเท่าไหร่ Tool path จะค่อยๆ กัด Offset เข้ามาจาก แต่ละด้าน
Single + by Offset


-Theoretical Rest Area
         เป็นลักษณะการคำนวนหาเส้น ที่จะนำมาเป็นขอบเขตในการกัด (Boundary) โดยมีการอ้างอิง Tool ก่อนหน้า Previous Tool  เมื่อได้เส้นขอบเขตแล้ว จึงนำมาใช้ในการทำ CAM ด้วย Operation ที่ต้องการต่อไป
boundary Area

-Theoretical Fillet Surface
         หากเรารู้ หรือต้องการ เก็บ Finish  ด้วย Ball Nose R เท่าไหร่แล้ว Model ของเรา อาจจะไม่ได้ เป็น R ตามนั้นทุกจุด หรือไม่ได้มีการ blend R มาตั้งแต่ต้น คำสั่งนี้จะช่วยสร้าง ผิวที่เป็น รัศมีดังกล่าว
        ผมคิดว่าการที่มีผิว Blend R ตามมุมต่างๆ ค่ารัศมีเท่ากับ Tool ที่จะกัด จะช่วยให้ Tool path มีคุณภาพดีกว่า ไม่มี  สามารถตั้งความละเอียดของผิว Mesh surface นั้นได้ที่ parameter เช่น Resolution=1 หรือน้อยกว่า  Number of Facets=50 หรือเยอะๆ .....
        หลังจากได้ผิว ดังกล่าวแล้วก็ Add เพิ่มเข้าไปในกลุ่ม Model หรือ จะ Add Model ใหม่ แล้วเลือก ทั้งหมด เป็นอีกชื่อหนึ่งก็ได้ เพื่อทำ CAM ต่อไป
Fillet Surface

...................................................................................................................................................................